ดูบทความ
ดูบทความการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง Spare Part อย่างมีประสิทธิภาพ (Spare Part Inventory Management) (อบรม 27 มี.ค. 68)
การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง Spare Part อย่างมีประสิทธิภาพ (Spare Part Inventory Management) (อบรม 27 มี.ค. 68)
“การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง Spare Part อย่างมีประสิทธิภาพ”
(Spare Part Inventory Management)
วิทยากร : อาจารย์ อนันต์ ดีโรจนวงศ์
ที่ปรึกษาสมาพันธ์สมาคมอุตสาหกรรมสนับสนุน (A.S.I.A.)
ที่ปรึกษาเครือข่าย Lean Production สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี ไทย-ญี่ปุ่น
ที่ปรึกษาอุตสาหกรรมการผลิตและโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
ที่ปรึกษาสถานประกอบการดีเด่นโครงการ OPOAI กระทรวงอุตสาหกรรม
MBA Logistics Management
27 มีนาคม 2568
09.00 – 16.00 น.
** โรงแรมโกลด์ ออร์คิด กรุงเทพฯ (ถนนวิภาวดีฯ-สุทธิสาร)
*สถานที่จัดสัมมนาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
หลักการและเหตุผล
การจัดการสินค้าคงคลังวัสดุ (Spare Part Inventory Management) เป็นการจัดการในการรับ การตรวจสอบและตรวจนับ การจัดเก็บสินค้าประเภทวัสดุได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง รวมถึง การหยิบสินค้า ตรวจสอบ และจัดส่งวัสดุให้ผู้รับได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายหลักในการบริหารและดำเนินการจัดการในคลังสินค้าวัสดุก็เพื่อให้เกิดระบบที่ดี มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าต่อการลงทุน รวมถึงการควบคุมคุณภาพของการเก็บ การหยิบสินค้าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย การป้องกันและลดการสูญเสียจากการดำเนินงานเพื่อให้ต้นทุนการดำเนินงานต่ำอย่างเหมาะสม เพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งานได้ และการใช้ประโยชน์เต็มที่จากพื้นที่คลังสินค้าวัสดุ การจัดการคลังสินค้าวัดสุจึงนับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญส่วนหนึ่งในโซ่อุปทาน รวมถึงการควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังวัสดุ (Spare Part Inventory Control) ซึ่งต้นทุนสินค้าคงคลังวัสดุเป็นต้นทุนการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนั้นการจัดการสินค้าคงคลังวัสดุมีวัตถุประสงค์หลักอยู่ที่สามารถมีสินค้าคงคลังวัสดุบริการให้กับผู้ใช้งานในปริมาณที่เพียงพอ และทันต่อการความต้องการอยู่เสมอ สามารถลดระดับการลงทุนในสินค้าคงคลังวัสดุให้ต่ำอย่างเหมาะสม และเพื่อทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลงได้อีกด้วย
วัตถุประสงค์
1. เพื่อสามารถบริหารจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะคลังสินค้าวัสดุ (Spare Part)
และสามารถควบคุมและเพิ่มความรวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วนในการการทำกิจกรรมต่าง ๆภายในคลังสินค้าวัสดุได้
2. เพื่อลดต้นทุนและพื้นที่การจัดการปริมาณสินค้าคงคลังวัสดุจำนวนมาก
3. เพื่อสามารถจัดเก็บสินค้าประเภทวัสดุในคลังสินค้าได้อย่างเหมาะสมตามปริมาณที่ลูกค้าต้องการ
4. เพื่อสามารถทราบข้อมูลสินค้าคงคลังวัสดุได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และครบถ้วน เพื่อนำไปวิเคราะห์และพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
5. สามารถเติมเต็มสินค้าคงคลังวัสดุได้ทันเวลาและอย่างเพียงพอ และสามารถจัดเก็บสินค้าวัสดุได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่คลังสินค้า
6. เพื่อลดเวลา Breakdown Maintenance และงาน Preventive Maintenance ว่าเมื่อใดก็ตามที่ต้องการใช้อะไหล่เพื่อการซ่อม
หรือเพื่อการบำรุงรักษา ต้องหาได้ในทันทีหรือใช้เวลาน้อยที่สุด
หัวข้อการอบรม
เวลา 09.00-16.00 น.
1. หลักการพื้นฐานการจัดการคลังสินค้าและสินค้าคงคลัง
- ความสำคัญและประโยชน์ของการบริหารสินค้าคงคลัง
- ระบบการบริหารคลังสินค้ากับบริหารสินค้าคงคลัง
- ประเภทของสินค้าคงคลัง และการบริหารจัดการสินค้าคงคลังสินค้าสำเร็จรูป วัตถุดิบและวัสดุ อุปกรณ์
- การวิเคราะห์ต้นทุนการบริหารสินค้าคงคลัง
2. การวิเคราะห์ความสำคัญของสินค้าคงคลังวัสดุ
- การวิเคราะห์สินค้าคงคลังวัสดุด้วยแนวคิด ABC Analysis
- การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามความสำคัญกับการผลิต (VED Analysis)
- การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามความถี่ในการใช้ (FSN Analysis)
- การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามมูลค่าราคา (HML Analysis)
- การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามระยะเวลาในการส่งมอบ (SDE Analysis)
3. การวางแผน ควบคุม และการคำนวณปริมาณสินค้าคงคลังที่เหมาะสม
- การวิเคราะห์จุดสั่งซื้อซ้ำ (Re-Order Point: ROP) และการคำนวณ
- การคำนวณปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด (Economic Order Quantity: EOQ) และข้อจำกัด
- สินค้าเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Safety Stock : SS) และปริมาณที่เหมาะสม
- วิธีการลดปริมาณสินค้าคงคลังวัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ
4. การประเมินความสามารถในการบริหารสินค้าคงคลัง
- ดัชนีชี้วัดการดำเนินงานการบริหารสินค้าคงคลัง (KPIs) และการวิเคราะห์
- กรณ๊ศึกษาการจัดการคลังสินค้าและควบคุมสินค้าคงคลัง
วิธีการสัมมนา การบรรยาย การให้คำปรึกษา และร่วมอภิปราย
กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มหลัก ผู้จัดการคลังสินค้า/ ผู้บริหารระดับกลาง หรือเจ้าหน้าที่ระดับบริหาร และระดับปฏิบัติการ ฝ่ายคลังสินค้าวัสดุ สินค้าสำเร็จรูป สินค้าวัตถุดิบ ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายผลิต ฝ่ายวางแผนการผลิต ฝ่ายซ่อมบำรุง วิศวกร
ประกาศนียบัตร: บริษัท ไฮโพ เทรนนิ่ง แอนด์ คอนเซ้าท์แทนซี่ จำกัด
ราคาค่าอบรมปกติ (ต่อ 1 ท่าน)
ราคาค่าอบรมสัมมนา / ท่าน |
|||||
ประเภท |
ค่าสัมมนา |
VAT 7% |
หัก ณ ที่จ่าย 3% |
รวมจ่ายสุทธิ |
กรณีไม่มีหนังสือ |
บุคคลทั่วไป/บริษัท |
3,900.00 |
273.00 |
117.00 |
4,056.00 |
4,173.00 |
ราคาพิเศษ !!! ชำระค่าอบรมสัมมนา ก่อนวันอบรม 15 วัน |
|||||
ประเภท |
ค่าสัมมนา |
VAT 7% |
หัก ณ ที่จ่าย 3% |
รวมจ่ายสุทธิ |
กรณีไม่มีหนังสือ |
บุคคลทั่วไป/บริษัท |
3,700.00 |
259.00 |
111.00 |
3,848.00 |
3,959.00 |
วิธีการชำระเงิน:
1.โอนผ่านบัญชีธนาคาร ดังนี้
1.1 ธนาคารกรุงเทพ บัญชีสะสมทรัพย์ สาขา ซอยอารี เลขที่ 127-4-66322-6
1.2 ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีออมทรัพย์ สาขา พหลโยธิน เลขที่ 014-2-63503-8
ชื่อบัญชี บริษัท ไฮโพ เทรนนิ่ง แอนด์ คอนเซ้าท์แทนซี่ จำกัด
2.ชำระด้วยเช็คบริษัท สั่งจ่าย บริษัท ไฮโพ เทรนนิ่ง แอนด์ คอนเซ้าท์แทนซี่ จำกัด
3.หัก ณ ที่จ่าย 3% ทะเบียนนิติบุคคลเลขที่ 0-1055-48105-59-0
บริษัท ไฮโพ เทรนนิ่ง แอนด์ คอนเซ้าท์แทนซี่ จำกัด
40/81 ซอยอินทามระ 8 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
4.บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการไม่คืนเงินที่ได้ชำระมาแล้ว
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
- Tel. : 086-318-3152
- E-mail : hipotraining@gmail.com
- Website : www.hipotraining.co.th
- ID Line@ : @761mvkmp หรือ สแกนคิวอาร์โค้ดด้านล่าง
- Facebook Fan page : www.facebook.com/HIPOtraining หรือ สแกนคิวอาร์โค้ดด้านล่าง
15 พฤศจิกายน 2567
ผู้ชม 527 ครั้ง